วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เดี๋ยวนี้ทำไมเราติดหมอนล่ะเนี่ย

พึ่งกลับบ้านมาเหนื่อยๆเลยเดี๋ยวคิดไว้ว่าเขียนเสร็จจะไปนอนละ (ยังมีการอยู่ แต่ขี้เกียจ)
วันนี้เหนื่อยมาก เอาของฝากจากญี่ปุ่นไปให้ครู (พ่อซื้อให้)
ผมก็เอาเหรียญเยนไปเป็นของฝากให้เพื่อนแหละ เรื่องของฝากก็หมดละ

วันนี้ก็ได้เรียนศิลปะ ก็เกือบสลบคาห้องจ้า คือหิวมาก แล้วศิลปะมันไม่ใช่ของถนัดผมอยู่แล้วง่ะ ;w;
ต้องเข้าใจว่าผมอยากจะสื่ออะไรบางอย่างที่ผมอยากสื่อให้คนได้เห็น แต่ติดที่ว่าผมอ่อนศิลปะมาก
ขนาดไหนหรอ อ๋อ ส่งงานครูก็ไม่มีสีเลยครับ Mind Map ก็เหมือนของเด็กป.1 ไม่สิ อนุบาลเลยด้วยซ้ำไป
อยากเป็นในเรื่องศิลปะ แต่ไม่เข้าใจศิลปะถ่องแท้ ถ้าวิชาศิลปะอธิบายเกี่ยวกับศิลปะมากกว่านี้ก็น่าจะดี
แต่เหมือนมีคนบอกว่าศิลปะมันไร้ขอบเขต ไม่มีถูกผิด จะเป็นอะไรก็ได้ ทุกวันนี้ก็เป็นศิลปะ คิดแล้วก็ปวดหัวยังไงไม่รู้ สุดท้ายพอมานั่งคิดเรื่องนี้ก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี พอจะลองก็คิดไม่ออก โอ้ยยยยยย
ช่างมันเถอะ เลิกหัวข้อนี้ แล้วไปเรื่องใหม่กันเถอะ (´;ω;`)

แต่พอจะพูด มันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วง่ะ
เอาเป็นว่าผมไปนอนก่อนดีกว่า 55

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ไปเที่ยวญี่ปุ่น

สวัสดีครับ
ตอนนี้ง่วงไม่ได้ละ ต้องทำไว้ก่อนจริงๆแหละ
คือผมอย่างที่รู้ๆกันอยู่ก็คือ ผมไปเที่ยวมานี่แหละ
ถามว่าเป็นไงบ้าง มึงเอ้ยยยยยยย ตังค์ก็ไม่ค่อยจะมี ค่าครองชีพก็สูง

"Press F to Pay Respect"


เอาเหอะ สุดท้ายตอนแรกอยากซื้อปลอกหมอนใหม่ สุดท้ายแพงชิบ อดสิ รอไร55


ต่อมา ให้ภาพมันอธิบายละกันเนอะ

อันนี้ เชียงใหม่ ไป ดอนเมือง







เซเว่นของขายก็เยอะนะ กินขนมปังไปสองชิ้นอิ่มไป 8 ชั่วโมงเลยนะคุณ 5555

ต่อมา อันนี้ตอนถึงญี่ปุ่นละ


















อันนี้วันแรก ที่ Divercity มีกันดั้มตัวใหม่ แต่ผมก็ไม่รู้จักหรอกนะ ไม่ติดตามนั่นแหละ55

ต่อมาก็...

















เริ่มสังเกตได้ว่าผมจะใช้ภาพแบบใหญ่ แทนภาพแบบยาว เหตุผลคือ เดี๋ยวค่อยมานั่งทำ Widescreen ที่บ้านดีกว่า55 หลังจากพักผ่อน เราก็ไปกันที่ภูเขาไฟฟูจิชั้น5 ต่อด้วยพิธีชงชา หลังจากนั้นก็เป็นบริษัท Duty Free หลังพิธีซะงั้น 55





นี่เป็นแยกชิบูย่านะครับ ซึ่งคนก็เยอะมากกกกกก นะครับ
ถ้าจะให้เพิ่มเติมก็...






หลังจากนั้นก็ไปอากิฮาบาระต่อเลยครับ
ซึ่งผมไม่ได้ถ่ายอะไรเลย เพราะเวลาน้อยมาก เลยมีแต่เวลาไปหาของครับผม

วันต่อมา...







ก็ได้ไปวัดที่นาริตะนะครับ ก็ไม่มีไรมากแหละ ข้ามไป



และก็กลับบ้านตามระเบียบ...เดี๋ยว สั้นงี้จริงดิ?
ช้าก่อน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

===============================================================

สรุปการไปญี่ปุ่น


===============================================================

เริ่มที่ตอนถึงสนามบินเลยนะครับ จะสังเกตได้ว่าตอนขึ้นบันไดเลื่อน (Escalator)
ถ้ายืนเฉยๆก็ชิดซ้าย เร่งด่วนอยู่ขวา ก็ถือว่าเป็นระเบียบที่ดีเลยแหละ
ต่อมา การขับรถเนี่ย เขาจะอยู่เลนๆเดียวเลยครับ ประเทศไทยหรอ อ๋อ อยู่ชิดซ้าย จะเลี้ยวมีแต่รถจอดเต็มไปหมดอะคุณ ไม่ก็อยู่เลนซ้ายแต่จู่ๆถนนบังคับให้อยู่เลนกลาง วดฟ!
ที่ญี่ปุ่นคือ คุณอยากจะเลี้ยวซ้ายต่อจากนี้ก็อยู่ซ้ายนี่แหละไปตลอด หลังจากเลี้ยวซ้าย ถ้าคุณต้องเลี้ยวขวาต่อเนี่ย ก็อยู่เลนขวาสุดเลย เท่าที่สังเกตคือ ไฮเวย์ขับเร็วก็ชิดขวาแหละ แต่คุณรู้มั้ยว่า การขับที่นั่นปลอดภัยมาก คือขับขนานข้างไม่มีทางชนแหละ ไม่เชื่อก็เอาภาพนี้ไปดูเถอะ



ก็ประมาณนั้นแหละครับ ซึ่งในตอนนั้น รถส่งของ กับรถบัสนั่นความเร็วเดียวกันเลยนะ เลี้ยวโค้งพร้อมกันด้วยซ้ำ ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรเลย ช่างเหอะ ต่อมา
เขาว่ากันว่ารัฐบาลญี่ปุ่นดูแลประชาชนเป็นอย่างดี เพราะเขาเกรงใจที่ประชาชนของเขาจ่าย VAT 8%
บ้านเราหรอ มึงอย่าพูดเล้ยยยยย 7%กูยังไม่เกรงใจเลย เรือดำน้ำถ้าซื้อมาแล้วช่วยชีวิตทีมหมูป่า 13 คนได้ก็น่าจะดีแหละ แต่มันไม่ได้เอามาทำหีทำแตดอะไรเลยอะคุณ ญี่ปุ่นเขาเอาเงินภาษี8%นั่นมาทำพวกน้ำสะอาด แผ่นกันเสียง แผ่นกันดินถล่ม ช่างเหอะ มาต่อกันดีกว่า

น้ำสะอาดนี่ยังไงใช่มั้ย
เอาเป็นว่าอยู่ญี่ปุ่นค่าครองชีพสูงมาก
ฉะนั้นเนี่ย เพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหาร ก็คงต้องกรองน้ำก๊อกกินเอานี่แหละครับ
ใช่ มันกินได้(เกือบ)ทุกที่เลยครับ ซึ่งผมก็ทำอย่างนั้นแหละ ถ้ารสชาติมันแปลกๆ แนะนำกดน้ำชามาดื่มก่อน แล้วพอน้ำชาหมด ก็กดน้ำนั่นแหละครับ รสชาติชามันก็จะยังหลงเหลืออยู่

ต่อมาเรื่องรถไฟ
ผมอยากจะบอกว่า ตัดเรื่องแอพรถไฟออกไปเลย คุณต้องดูแผนที่รถไฟให้เป็นนะ ซึ่งมันก็ง่ายมาก ถ้าเรามีจุดหมายของเราอยู่แล้ว (ผมคงไม่ไปนั่งจำหรอกว่ามีสถานีที่ไหนบ้าง)
ซึ่งถ้าอยากสะดวกก็ซื้อบัตร "Suica" (ไปหาถาพในเน็ตเอาเองเนอะ)
ซึ่งบัตรนี้มันเหมือนเราเป็นสมาชิกอะไรบางอย่าง คือราคามันถูกกว่าตั๋วธรรมดานิดนึงครับ แต่ก็สะดวกกว่ามากกกกกกกก เพราะเราไม่ต้องไปต่อแถวรอซื้อตั๋วเลยครับผม วิธีก็คือไปตู้ขายตั๋วครับ กดไปที่ English เผื่อใครอ่านญี่ปุ่นไม่ออก กดไปที่ซื้อบัตร ค่ามัดจำ 500 เยน ส่วนเงินในบัตร เลือกเอาเองเลยเด้อ เช่น 1,000 เยนเราก็จะได้เงินในบัตร 500 เยนไงครับ

ถัดมา เรื่องห้างสรรพสินค้า
ขี้เกียจพูดละ เอาเป็นว่าจะย่อให้สั้นๆเลยเนอะ เหมือนรูปทรงของ Divercity ถูกขโมยไปโดย อิชิตัน ที่ทำเป็น เมญ่า (Maya) คือเข้าไปเดินในนั้นแล้วมันอดนึกถึงเมญ่าไม่ได้จริงๆอะคุณ ช่างเหอะ เอาเป็นว่ามันก็แค่เหมือนเฉยๆเองล่ะเนอะ

สุดท้าย ผมอยากจะบอกว่า ค่าครองชีพแม่งสูงชิบฟฟฟฟฟฟฟฟ
น้ำอะไรขวด 30กว่าบาท ข้าวจานละ 400 บาท ตายแป้บ
===============================================================

ได้อะไรจากการไปคราวนี้บ้าง

===============================================================

ได้รู้ว่าประเทศที่เกิดสงครามบ่อยๆ จะมีการพัฒนามากกว่าประเทศที่ไม่มีความลำบากอะไรเลย
และเมื่อสังคมมีระเบียบวินัย ทุกอย่างก็จะดี ถ้าทุกคนให้ความร่วมมือ ทุกอย่างก็จะดี โดยเฉพาะผู้นำประเทศ และความแปลกบางทีมันก็คือความคาดไม่ถึงเช่น ในรถไฟ ตัวแอร์ เขามีใบพัดแอร์ตัวนึง และใบพัดแอร์นั้นก็หุ้มไว้ด้วยที่สวิงอันนึง ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดูดีมาก 

ต่อมา การแยกขยะ เขาจะแยกไว้อย่างดีเลย ถึงแม้เราจะเป็นนักท่องเที่ยว เราก็ต้องให้ความร่วมมือนะคุณ ;w; อย่างเช่นการแยกขยะอะไรแบบนี้อะเนอะ



===============================================================

หัวข้อแถมเล็กน้อย

===============================================================

สุดท้ายก็ขอแถมเรื่องของที่ซื้อมาเนอะ










ก็ขอลาไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ

Special Thanks to PRO Japan Program
and My camera Canon A3300.

รักเรมมากจริงๆโว้ยยยยยยย ครับ
(≧▽≦)